87 จำนวนผู้เข้าชม |
การหลอกขายของปลอม ความผิดทางกฎหมายและการป้องกัน
การหลอกขายสินค้าปลอมเป็นปัญหาที่พบเห็นได้บ่อยในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อผู้บริโภค แต่ยังเป็นความผิดทางกฎหมายที่มีบทลงโทษอย่างชัดเจน
ความหมายของการหลอกขายของปลอม
การหลอกขายของปลอมหมายถึงการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้เป็นของแท้ หรือสินค้าที่มีการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสินค้าของแท้ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลอกลวงและเป็นความผิดทางกฎหมาย
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271: ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341: ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 46: บุคคลใดจะฟ้องคดีเพื่อป้องกันสิทธิการละเมิดในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าวไม่ได้ บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน ในอันที่จะฟ้องคดีบุคคลอื่นซึ่งเอาสินค้าของตนไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
บทลงโทษสำหรับการหลอกขายของปลอม
จำคุกไม่เกิน 3 ปี: สำหรับการหลอกลวงผู้ซื้อเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณของสินค้า หรือการกระทำในความผิดฉ้อโกง
ปรับไม่เกิน 60,000 บาท: สำหรับการกระทำดังกล่าว
ทั้งจำทั้งปรับ: ในกรณีที่ศาลเห็นสมควร
วิธีการป้องกันและรับมือกับการหลอกขายของปลอม
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย: ควรตรวจสอบรีวิวหรือความคิดเห็นจากผู้ซื้อรายอื่น และตรวจสอบข้อมูลผู้ขายก่อนทำการซื้อสินค้า
หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าราคาถูกเกินจริง: สินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก ๆ อาจเป็นสินค้าปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
เก็บหลักฐานการซื้อขาย: เช่น ใบเสร็จรับเงิน ภาพถ่ายสินค้า หรือการสนทนากับผู้ขาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดปัญหา
แจ้งความเมื่อถูกหลอกลวง: หากพบว่าถูกหลอกลวง ควรรีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
สรุป การหลอกขายของปลอมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษชัดเจน ผู้บริโภคควรมีความระมัดระวังในการซื้อสินค้า และหากพบเห็นการกระทำดังกล่าว ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป