รู้ทันกลโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - ทนายนิธิพล

Last updated: 6 ส.ค. 2565  |  6984 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รู้ทันกลโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - ทนายนิธิพล

           ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาดหนัก หลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ ซึ่งจะติดต่อผ่านช่องทางโทรศัพท์ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่จะโดนหลอกในลักษณะว่า มีพัสดุผิดกฎหมายส่งมาที่บ้านคุณแต่ไม่สามารถส่งได้ และก็มักจะอ้างตนเป็นตำรวจหรือหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าดังกล่าว หรือบ้างครั้งก็อ้างว่ามีสินค้าตกค้างอยู่เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยอาจจะหลองหลวงผู้เสียหายได้หลายรูปแบบ เช่น

             -  มีการส่งพัสดุผิดกฎหมายไปยังต่างประเทศและกำลังจะถูกดำเนินคดี

             -  สืบได้ว่าบัญชีธนาคารเข้าไปเกี่ยวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย

             -  อ้างว่าเราเป็นหนี้กับหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องชำระเงินโดยด่วนก่อนถูกดำเนินคดี

             -  บัญชีธนาคารกำลังมีปัญหา ขอข้อมูลส่วนตัวรวมถึงรหัสผ่านต่างๆเพื่อรักษาเงินในบัญชี

             -  ได้รับเงินรางวัลแต่ต้องจ่ายภาษีเพื่อรับเงินรางวัลนั้น

             -  มีชื่อเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีค้ายาหรือฟอกเงิน ต้องโอนเงินทั้งหมดไปให้ตรวจสอบ

             -  ได้รับสิทธิ์ขอคืนภาษี แต่ต้องไปทำรายการขอรับเงินคืนที่ตู้เอทีเอ็ม

             -  มีหมายศาลส่งมา แต่ส่งไปไม่ถึง รบกวนขอข้อมูลส่วนตัว

             -  โอนเงินไปผิดบัญชี รบกวนโอนคืน

             -  ทวงหนี้นอกระบบ โดยอ้างชื่อคนที่รู้จัก

             -  หลอกว่าเป็นบริษัทประกัน

          รูปแบบกลโกงที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรูปแบบกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น ยังมีรูปแบบอื่นๆ และรูปแบบใหม่ของมิจฉาชีพอีกหลากหลายรูปแบบ และมีการทำเป็นขบวนการเพื่อพยายามทำให้เหยื่อหลงเชื่อ

          ในส่วนด้านกฎหมายก็มีบทลงโทษ เพื่อให้ผู้ที่หลอกลวงรับผิดในการกระทำเพราะเกิดความเสียหายต่างๆ

             ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

              มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ

             (1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ

             (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง

             ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

             มาตรา 343  ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

             ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

 

          การจะกำหนดโทษแก่ผู้ที่หลอกลวงนั้นจะต้ององค์ประกอบต่างๆ ว่าเข้ากับหลักกฎหมายอะไรบ้าง ผู้เสียหายเมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอกลวงจะต้องรีบดำเนินการแจ้งความกับพนักงานตำรวจโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ดำเนินการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มารับโทษตามกฎหมายต่อไป

          ดังนั้น ประชาชนทั่วไปจะต้องรู้ทันว่ากำลังโดนหลอกจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากมีการเรียกให้ชำระเงินใดๆ หรือขอข้อมูลส่วนตัว ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ อย่ากระทำการตามที่เขาต้องการเด็ดขาด ซึ่งมีผู้เสียหายเกิดขึ้นทุกวัน เมื่อคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว คงจะทราบถึงกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มากขึ้น

 

ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

รับว่าความทุกคดี ทั่วราชอาณาจักรไทย

Facebook Fan Page :: ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

เปิดทำการ :: วันจันทร์ – วันเสาร์

เวลาทำการ :: 09:00 - 18:00 น.

เบอร์ติดต่อ (โทรเวลาทำการ) :: 095-453-4145

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้