ฟ้องชู้ที่เป็นเพศเดียวกันกับสามีหรือภรรยาได้แล้ว ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวสู่ความเท่าเทียมทางเพศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะทำให้คู่รักเพศเดียวกันมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิงตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลถึง สิทธิในการฟ้องร้องบุคคลที่เป็นชู้ ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ช่วยให้คู่สมรสที่ถูกนอกใจสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างเป็นธรรม โดยในบทความนี้เราจะมาอธิบาย สิทธิในการฟ้องชู้ ตามกฎหมายใหม่ รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการรวบรวมหลักฐาน ขั้นตอนการดำเนินคดี และผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจและใช้สิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่
ฟ้องชู้คืออะไร? และทำไมสามารถฟ้องชู้ที่เป็นเพศเดียวกันได้?
การฟ้องชู้ หมายถึง การฟ้องร้องบุคคลที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับคู่สมรสของตนเอง โดยคู่สมรสที่ถูกนอกใจสามารถเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ ซึ่งเป็นสิทธิที่กฎหมายให้การรับรอง
ก่อนหน้านี้ ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ระบุว่า: “ภริยาหรือสามีอาจเรียกค่าทดแทนจากบุคคลภายนอกผู้เป็นชู้กับคู่สมรสของตน”
ซึ่งที่ผ่านมา คำว่า “ชู้” มักถูกตีความในลักษณะที่หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง แต่เมื่อ กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้ การตีความเรื่อง “ชู้” จะต้องครอบคลุมไปถึงทุกเพศ นั่นหมายความว่า หากคู่สมรสของเราไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบุคคลเพศเดียวกัน เราสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เช่นกัน การเปิดกว้างของกฎหมายนี้สะท้อนถึงความเสมอภาคในชีวิตคู่ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใดก็ตาม สิทธิในการได้รับความยุติธรรมและการคุ้มครองจากกฎหมายต้องเท่าเทียมกัน
หลังจากการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้มีการแก้ไขให้สิทธิในการสมรสครอบคลุมคู่รักเพศเดียวกัน และสิทธิในการฟ้องชู้ก็ขยายความให้สามารถฟ้องชู้ได้ไม่จำกัดเพศ โดยอ้างอิงจากกฎหมายดังนี้: มาตรา 1523 (แก้ไขเพิ่มเติม) “คู่สมรสอาจเรียกค่าทดแทนจากบุคคลภายนอกผู้เป็นชู้กับคู่สมรสของตน” ดังนั้นไม่จะฟ้องชู้ที่เป็นทอม ดี้ เกย์ กระเทย จึงสามารถฟ้องชู้ได้ทั้งนั้น
หลักฐานที่ใช้ฟ้องชู้
หากต้องการฟ้องชู้ (ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม) ต้องมีหลักฐานที่ศาลรับฟังได้ เช่น:
ข้อความแชทที่แสดงความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่แสดงถึงพฤติกรรมที่เกินเลยกว่าการเป็นเพื่อน
หลักฐานการใช้จ่ายร่วมกัน เช่น การจองโรงแรม ซื้อของขวัญราคาแพง ฯลฯ
พยานบุคคลที่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ได้
การบันทึกเสียงหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
ฟ้องชู้ต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนทางกฎหมาย หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่คู่สมรสของคุณมีชู้ และต้องการดำเนินการทางกฎหมาย ให้ทำตามขั้นตอนนี้:
ปรึกษาทนายความ เพื่อประเมินหลักฐานและแนวทางดำเนินคดี
รวบรวมหลักฐาน ที่แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่เป็นชู้
เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ศาลจะพิจารณาหลักฐานและตัดสินให้คู่สมรสของคุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทนได้เท่าไหร่?
จำนวนเงินที่ศาลสั่งให้จ่ายเป็นค่าทดแทนนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของคดี โดยปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนเงิน ได้แก่:
ความร้ายแรงของการกระทำผิด – เช่น มีความสัมพันธ์มานานแค่ไหน
ผลกระทบต่อชีวิตคู่ของโจทก์ – ทำให้ครอบครัวพังหรือไม่
ฐานะทางเศรษฐกิจของคู่สมรสและชู้ – หากชู้มีฐานะดี ศาลอาจสั่งให้ชดใช้สูงขึ้น
พฤติกรรมของคู่สมรสของโจทก์ – มีส่วนร่วมในการกระทำผิดมากน้อยเพียงใด
ส่วนใหญ่มักจะได้ค่าทดแทนอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ศาลอาจสั่งให้ชู้ชดใช้ค่าเสียหายตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับกรณี
สรุป: ฟ้องชู้ที่เป็นเพศเดียวกันได้ไหม? สามารถฟ้องชู้ที่เป็นเพศเดียวกันกับคู่สมรสของคุณได้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมให้สิทธิเท่าเทียมในการฟ้องร้อง สามารถเรียกค่าทดแทนจากบุคคลที่ทำให้ครอบครัวคุณพัง ต้องมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาว การฟ้องชู้ช่วยปกป้องสิทธิของคู่สมรสและรักษาความยุติธรรมในสังคม หากคุณต้องการดำเนินคดีเกี่ยวกับการฟ้องชู้ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม สามารถปรึกษาทนายความ สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ เพื่อขอคำแนะนำและดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างถูกต้อง