สิทธิในการเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร และขั้นตอนการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร

265 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สิทธิในการเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร และขั้นตอนการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร

           สิทธิในการเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรและขั้นตอนการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร

           ค่าเลี้ยงดูบุตรเป็นสิทธิที่กฎหมายให้ความสำคัญอย่างยิ่งในกรณีของครอบครัวที่เกิดการหย่าร้างหรือเลิกรากัน มีกฎหมายที่ระบุถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งเป็นการดูแลทั้งด้านการเงินและการให้การศึกษาเพื่อให้เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสมตามความต้องการของวัย

           ความหมายของค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าเลี้ยงดูบุตรหมายถึง การที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบในการจัดหาทรัพย์สินเพื่อการดำรงชีวิตของบุตร เช่น ค่าอาหาร ค่าเรียน ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และความจำเป็นอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่แยกทางกัน บทบาทของค่าเลี้ยงดูบุตรมีความสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาและการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม

           กระบวนการขอค่าเลี้ยงดูบุตร ในกรณีที่ผู้ปกครองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอค่าเลี้ยงดูบุตรได้ กระบวนการนี้รวมถึงการตรวจสอบรายได้และความสามารถทางการเงินของผู้ปกครองฝ่ายที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู โดยศาลจะพิจารณาจากรายได้รวม ความจำเป็นของเด็ก รวมถึงสุขภาพและสถานะการเงินของผู้ปกครองฝ่ายนั้น ๆ

           สิทธิของบุตรและความรับผิดชอบของผู้ปกครอง ตามกฎหมาย บุตรมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงดูตามความต้องการที่เหมาะสม ผู้ปกครองมีหน้าที่ในการดูแลและส่งเสริมให้บุตรได้รับการศึกษาและการดูแลที่ดี โดยเฉพาะเมื่อบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในประเทศไทยจะถือว่าเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะคืออายุไม่เกิน 20 ปี

           การยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนค่าเลี้ยงดู หากมีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ของผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นการตกงาน เจ็บป่วย หรือมีภาระอื่น ๆ ผู้ปกครองสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุตรได้ ศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงและสถานการณ์ทางการเงินของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

          การใช้บริการทนายความสำหรับค่าเลี้ยงดูบุตร การขอค่าเลี้ยงดูบุตรและการแก้ไขเรื่องค่าเลี้ยงดูอาจมีความซับซ้อน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ การขอคำปรึกษาจากทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในด้านครอบครัวและค่าเลี้ยงดูบุตรจะช่วยให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น

         ขั้นตอนการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร
         การฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรมีขั้นตอนหลักที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ผู้ปกครองที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้รับภาระค่าเลี้ยงดูบุตรอย่างเป็นธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้:

         1. การเตรียมเอกสาร
        หลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว: เช่น ใบสำคัญการสมรส ใบหย่า ใบสูติบัตรของบุตร เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ แม่ และบุตร
        เอกสารแสดงรายได้ของคู่ความ: เช่น สลิปเงินเดือน รายงานการเงินหรือเอกสารทรัพย์สิน เพื่อแสดงฐานะทางการเงินของฝ่ายที่ต้องชำระค่าเลี้ยงดู
       หลักฐานการใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร: รายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการเลี้ยงดูบุตร เช่น ค่าเรียน ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล เพื่อประกอบการพิจารณาในศาล
       2. การยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว
       เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผู้ร้องสามารถยื่นคำฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวในเขตอำนาจของตนได้ โดยในกรณีนี้ผู้ร้องควรมีทนายความช่วยเหลือเพื่อการจัดเตรียมเอกสารและคำฟ้องให้ครบถ้วน
สำหรับคดีเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ศาลเยาวชนและครอบครัวมีนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล (มาตรา 155 แห่ง พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553)
       3. กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนการพิจารณาคดี
       หลังจากยื่นคำฟ้องแล้ว ศาลจะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้าพบเพื่อพิจารณาการไกล่เกลี่ยหาข้อยุติ ซึ่งมีจุดประสงค์ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เองโดยไม่ต้องขึ้นสู่การพิจารณาเต็มรูปแบบ หากสามารถตกลงได้ ศาลจะออกคำสั่งให้คู่ความปฏิบัติตามข้อตกลง แต่หากไม่สามารถตกลงได้ คดีจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาคดีในศาล
        4. การพิจารณาคดีในศาล
        หากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลจะดำเนินการพิจารณาคดี โดยจะพิจารณาข้อมูลทางการเงิน ฐานะทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการจ่ายของฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบและความจำเป็นของบุตร ศาลจะพิจารณาความเหมาะสมและกำหนดจำนวนค่าเลี้ยงดูให้สอดคล้องกับมาตรา 1598/38 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยอาจพิจารณาลดหรือเพิ่มค่าเลี้ยงดูตามข้อเท็จจริงของคดี
       5. คำพิพากษาและการบังคับคดี
หลังจากศาลมีคำพิพากษา คู่ความฝ่ายที่ถูกสั่งให้จ่ายค่าเลี้ยงดูต้องปฏิบัติตามคำสั่ง หากไม่ทำตามคำพิพากษา ฝ่ายที่มีสิทธิ์สามารถยื่นคำร้องเพื่อบังคับคดีได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การอายัดรายได้หรือทรัพย์สินตามกฎหมาย
       6. การปรับปรุงค่าเลี้ยงดูบุตร
ในกรณีที่สถานะการเงินหรือสถานการณ์ในชีวิตเปลี่ยนแปลง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอลดหรือเพิ่มค่าเลี้ยงดูบุตรได้ ศาลจะพิจารณาจากสถานการณ์และความจำเป็นของบุตรและผู้ปกครองอีกครั้ง เช่น หากผู้ปกครองฝ่ายที่ชำระค่าเลี้ยงดูประสบปัญหาการเงิน หรือบุตรมีความต้องการค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการศึกษาและการดำรงชีวิต
       การฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ดังนั้นควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคดีครอบครัวเพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการดำเนินการอย่างถูกต้อง


       คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูบุตรที่น่าสนใจ

       คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8151/2560 – ในกรณีที่พ่อแม่ต้องหย่าร้างกัน หากฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดและเป็นเหตุให้หย่า เช่น การเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน ศาลมีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรให้ฝ่ายที่เสียหายได้รับการชดเชยได้ โดยไม่จำเป็นต้องขอมา ศาลสามารถพิจารณาให้ตามฐานะของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบและพฤติการณ์ในกรณีนี้​

      คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7345/2560 – ในคดีนี้โจทก์ได้เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากบิดาเป็นจำนวนเงินรวมถึงอายุ 18 ปี และศาลได้พิจารณาอายุความตามมาตรา 193/33 (4) ซึ่งชี้ว่าการเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรนั้นไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยจะโต้แย้งในประเด็นอายุความก็ตาม​

     คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2561 – ศาลได้พิจารณาว่าฝ่ายภรรยาสามารถเรียกค่าเลี้ยงชีพจากฝ่ายสามีได้หากตนไม่ได้ทำงานและไม่มีรายได้ตามความสามารถและฐานะของทั้งสองฝ่าย โดยให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้ถูกอุปการะในการขอค่าเลี้ยงชีพจากฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ​

     คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15200/2557 – ศาลพิจารณาให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจนถึงอายุ 20 ปีตามมาตรา 1564 และกรณีที่ผู้ปกครองมีภาระทางการเงินหรือมีภาระเลี้ยงดูบุตรจากครอบครัวใหม่ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอแก้ไขจำนวนค่าเลี้ยงดูได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในสถานะการเงินของผู้ให้ค่าเลี้ยงดูตามมาตรา 1598/39​

      ค่าเลี้ยงดูบุตรเป็นสิทธิที่สำคัญของเด็กและเป็นความรับผิดชอบของผู้ปกครองตามกฎหมาย การให้ความสำคัญกับการดูแลบุตรตามกฎหมายค่าเลี้ยงดูช่วยสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตเด็กอย่างยั่งยืน





             ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ

แฟนเพจ FB : ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

โทร : 095-453-4145 เวลาติดต่อจันทร์-เสาร์ 10.00น – 18.00น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้