มีชู้ หลักฐานในการฟ้องชู้และฟ้องหย่า และการดำเนินคดีแบบละเอียด

106 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มีชู้ หลักฐานในการฟ้องชู้และฟ้องหย่า และการดำเนินคดีแบบละเอียด

           มีชู้ หลักฐานในการฟ้องชู้และฟ้องหย่า และการดำเนินคดีแบบละเอียด

           เมื่อมีเหตุอันสงสัยว่าคู่สมรส (จดทะเบียนสมรส) ของคุณอาจจะนอกใจหรือสงสัยว่าคู่สมรสมีชู้ อันดับแรกคือการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอขณะที่คู่สมรสอยู่ด้วยกันกับชู้ ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณเป็นผู้เก็บหลักฐานด้วยตนเองหรือว่าจ้างนักสืบให้ตามเก็บหลักฐาน ( สำนักงานกฎหมายของเรามีบริการตามสืบเพื่อเก็บหลักฐาน ) โดยหลักฐานในส่วนของภาพถ่ายหรือวิดีโอนั้นจะแบ่งแยกด้วยกัน 2 รูปแบบก็คือ

           กรณีที่ 1. ในกรณีหญิงชู้ จะต้องมีหลักฐานที่เป็นการแสดงออกโดยเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเป็นการคบหากันแบบคู่รักหรือชู้สาว เช่น เป็นหลักฐานในขณะที่ไปกินข้าวในร้านอาหาร ไปเดินห้างด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันในที่สาธารณะแบบเปิดเผย อยู่ที่หน้าโรงแรมด้วยกัน เป็นต้น แต่ ณ วันที่ทำบทความนี้อยู่ในระหว่างการแก้ไขกฎหมายในเรื่องการแสดงออกต่อสาธารณะ ที่จะมีการยกเลิกในอนาคต โดยอนาคตจะใช้หลักฐานที่แสดงว่าเป็นชู้กันเท่านั้น

          กรณีที่ 2. ในกรณีชายชู้ ขอแค่มีหลักฐานที่แสดงว่ามีการคบหากันในเชิงชู้สาวก็เพียงพอแล้ว เช่น มีหลักฐานอยู่ในโรงแรมด้วยกัน  มีหลักฐานในขณะมีเพศสัมพันธ์ มีหลักฐานในขณะที่อยู่ในที่ลับตาคน หรือจะเป็นหลักฐานที่มีการแสดงออกว่าคบหากันในเชิงชู้สาวในที่สาธารณะก็ได้

          ดังตัวอย่างหลักฐานของสำนักงานทนายนิธิพลดังต่อไปนี้

      



          นอกจากหลักฐานดังที่ว่ามาแล้ว ยังสามารถใช้หลักฐานจากโซเชียลก็ได้เช่นเดียวกัน เช่น รูปคู่ที่โพสในแอปพลิเคชั่นต่างๆ และในกรณีที่มีหลักฐานอื่นๆประกอบด้วยก็จะดียิ่งขึ้น เช่น หลักฐานการโอนเงินให้แก่กัน หลักฐานซื้อทรัพย์สินให้ หลักฐานการสนทนาทางแอปพลิเคชั่นต่างๆ พยานบุคคลที่พบเห็นว่ามีการแสดงออกในลักษณะชู้สาว เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินคดีเพื่อให้มีน้ำหนักของพยานหลักฐานมากยิ่งขึ้น

          ในส่วนของการดำเนินคดีฟ้องชู้ ฟ้องหย่าจากการมีชู้

          เมื่อมีหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องว่าจ้างทนายความทำเรื่องฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวในเขตที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือในสถานที่ที่มีการกระทำในเชิงชู้สาว โดยอ้างอิงตามพยานหลักฐาน และเนื่องจากการฟ้องชู้ หรือฟ้องหย่า เป็นคดีแพ่งจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีทนายดำเนินการทางคดีให้ ซึ่งจะไม่เหมือนกับคดีอาญาที่จะสามารถแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ และการฟ้องนั้น จะเลือกฟ้องได้ว่าจะฟ้องชู้ หรือฟ้องหย่า หรือจะฟ้องทั้งสองกรณีพร้อมกันก็ได้ โดยในกรณีที่มีชู้นั้นจะสามารถเรียกเงินทดแทนได้ทั้งตัวชู้หรือคู่สมรส

          เมื่อทนายดำเนินการทำคำฟ้องพร้อมพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อศาลรับคำฟ้องแล้ว ก็จะกำหนดวันนัดพิจารณาคดี โดยมีวันนัดศาลดังนี้ คือ นัดเจรจาไกล่เกลี่ย นัดชี้สองสถาน นัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษา โดยลูกความสามารถมาเฉพาะวันสืบพยานได้ เมื่อศาลพิพากษาแล้วและในกรณีที่ชนะคดี จำเลยไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสหรือชู้ก็จะต้องปฎิบัติตามคำพิพากษา หากไม่ปฎิบัติก็สามารถบังคับคดีต่อไปได้ และหากเป็นเรื่องหย่า ก็นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนหย่าฝ่ายเดียวได้ และนอกจากประเด็นการฟ้องชู้ ฟ้องหย่าแล้ว หากมีการโอนทรัพย์สินให้ชู้และทรัพย์สินนั้นถือเป็นสินสมรส คุณก็สามารถจะฟ้องเพิกถอนการให้นั้นได้ด้วย เพื่อเรียกทรัพย์สินดังกล่าวคืนจากชู้ ดังตัวอย่างคำพิพากษานี้

       


              หากคุณต้องการฟ้องชู้หรือฟ้องหย่าหรือรวมไปถึงเรียกทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสคืน สามารถที่จะปรึกษากับทนายนิธิพล ได้โดยตรง ตามช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้ สำนักงานทนายความของเราพร้อมและยินดีจะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่

 



             ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ

แฟนเพจ FB : ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

โทร : 095-453-4145 เวลาติดต่อจันทร์-เสาร์ 10.00น – 18.00น

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้